Category: ภาวะโรคร้ายใกล้ตัว

ทำความรู้จัก กับ โรคอีโบลา

โรคเก่า ที่ กำลังกลับมาระบาด อีกครั้ง (ร่วมเชียร์บอล แทงบอล ที่เว็บออนไลน์)อัตราการเสียชีวิตนั้น เกือบ 50 % เลยทีเดียว โรคนี้นั้น มันเป็นโรคชนิดเดียว กับ โรคไข้เลือดออก มันคือ โรคที่เป็นโรคติดต่อ ขั้นรุนแรง ที่สำคัญโรคนี้นั้น ยังไม่มีวัคซีน ป้องกัน ซึ่งโรคนี้นั้น ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ แต่อย่างใด มันเป็นโรคที่ ระบาดมานานแล้ว และ ถือว่า เป็นโรคติดต่อ ที่มีความรุนแรงมากๆ โรคนึง หากหลายๆคนที่เป็นแล้วนั้น อาจจะมีอาการรุนแรง ถึงขั้น เสียชีวิตเลยก็ว่าได้

พบการระบาด ในปี 2565 ที่ไหน

ในปี 2565 ก็ได้พบเจอ การติดเชื้อ ของโรคอีโบลา อีกครั้ง ที่ประเทศ ยูกันดา ในช่วงเดือน ก.ย  ที่ผ่านมา อัตรา การเสียชีวิต ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะ ค่อนข้างจะสูงเลยทีเดียว จากผู้ติดเชื้อ ประมาณ 90 คน พบว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว สูงถึง 44 รายเลยทีเดียว หรือ คิดเป็น 49% เกือบ 50 % เลยทีเดียว ถือว่ามีอัตราการเสียชีวิต ที่สูงมากเลยทีเดียวสำหรับโรคนี้

อย่างไรก็ตาม โรคนี้นั้น ยังไม่ได้ประกาศ เป็นภาวะฉุกเฉิน เหมือนกับ โรคโควิด 19 แต่อย่างใด เพราะว่า โรคอีโบลา นั้น มันระบาดเป็นช่วงๆ และ ระบาดเพียงบางประเทศ ยังไม่ได้แพร่หลาย หรือว่า ติดต่อกันได้ง่ายขนาดนั้น

เจ้าตัวพาหะ นำเชื้ออีโบลา(การแข่งขันบอล แทงบอล ไม่มีเชื้อโรคแน่นอน)

การติดเชื้ออีโบลา นั้น พบว่า เจ้าตัวพาหะ นั้น คือลิง ติดต่อมาสู่คนนั้นเอง คล้ายๆกับเชื่อ HIV แต่เชื่อว่า ลิงนั้นอาจไม่ใช่แหล่ง รังโรคแรก เชื่อว่า เจ้าลิงเองนั้น อาจจะติดมาจาก สัตว์ป่า ชนิดอื่น เช่นกัน แต่จนปัจจุบันนั้น ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าสัตว์ป่าชนิดไหน ที่เป็นตัวต้นเรื่อง หรือ ว่าเป็นแหล่งรังโรค สำหรับเชื้อ อีโบลา นี้

นอกจากลิงแล้วนั้น ก้ยังพบ เชื้อชนิดนี้ ในสัตว์ที่ เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดอื่นอีก อย่างเช่น กอลิล่า ชิมแพนซี อุรังอุตัง และ สัตว์ประเภทกวาง ที่มีเขา

โรคอีโบลา ติดต่อได้ทางไหนบ้าง ติดต่อได้อย่างไร 

• ติดต่อ การผ่านทางการสัมผัส สารคัดหลั่ง หรือ ว่าเลือด ของผู้ติดเชื้อโดยตรง
• ติดต่อ ผ่านทาง การสัมผัส กับสัตว์ ที่เป็นพาหะ เชื้ออีโบลา มักจะมีการ ปะปน มากับ นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมา จากประเทศ ที่มีการระบาด หรือ แอบนำเข้าสัตว์ป่า ที่มีเชื้ออีโบล่านั้นเอง

อาการ ของโรคอีโบล่า เป็นอย่างไร

• มีไข้สูงฉับพลัน
• ปวดหัว
• ตัวร้อน
• เจ็บคอ
• อาเจียน
• เป็นผื่น
• อาจมีเลือดออกทั้งภายใน และ ภายนอก
• เม็ดเลือดขาว และ เกร็ดเลือดต่ำ

อาการนั้น จะคล้ายๆ กับผู้ป่วยที่เป็นไข้ บางรายอาจจะมีอาการ อาเจียน ร่วมด้วย มีผื่นขึ้น หากอาการ มีความรุนแรง ก้คือ จะเข้าไปสู่ ระยะ ตับ กับ ไต ไม่ทำงาน บางราย มีเลือดออก ทั้งภายใน และ ภายนอกร่างกาย สุดท้ายนั้น หยักสุดๆ ก้อาจจะ ถึงขั้นเสียชีวิตได้

โรคนี้นั้น หลังสัมผัสกับเชื้อแล้ว จะมีระยะเวลา ฝักตัวค่อนข้างจะนาน ระยะ 2 – 21 วัน และ พบได้ในกลุ่ม ทุกๆกลุ่ม ทุกๆช่วงอายุ

การรักษา

ต้องบอกว่า จนถึงปัจจุบันนั้น แม้ว่าเราจะเจอ กับโรคอีโบลา มานานแล้ว แต่ก็ ยังไม่มีวัคซีน ในการป้องกัน เชื้อโรคอยู่ดี ส่วนการรักษานั้น ก็ยังไม่มีทาง รักษา จำเพาะต่อโรค ก้คือ ใช้วิธี รักษา ตามอาการนั้นเอง เพื่อ ที่จะ ประคับประครอง อาการ ของผู้ป่วย ให้ดีขึ้น

• โรคอีโบลานั้น ยังไม่เคยมี การระบาด หรือ ติดเชื้อในประเทศไทย แม้แต่รายเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เพราะ โรคนี้นั้น มีการระบาด ในประเทศอื่น เราก็ไม่ควรจะชะล่าใจ การที่เรานั้น เปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว เข้ามา ก็ถือว่า การเดินทางไปมา ของผู้คนนั้น ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ

อย่างไรก็ตาม ที่สนามบินนั้น ก็ได้มีการ ตรวจคัดกรอง นักท่องเที่ยว หรือ ชาวต่างชาติ ที่เดินทาง มาจาก ประเทศที่สุ่มเสี่ยง อย่างเช่น ประเทศที่มีการระบาดของโรค อีโบลา เช่น ประเทศยูกันดา หรือ ประเทศอื่นๆ ในแถบ ทวีป แอฟริกา ได้มีการ ตรวจคัดกรอง พร้อมลงทะเบียน ตรวจสอบ ประวัติ ก่อนที่จะ เดินทาง เข้ามาในประเทสไทย เพื่อเป็นการป้องกัน 1 ชั้น

ทั้งนี้ หากใครที่ชอบเดินทาง ท่องเที่ยว ต่างประเทศ บ่อยๆ ก็ขอให้ติดตาม เฝ้าดูอาการของตนเองด้วย ว่ามีอาการเจ็บป่วย หรือไม่ เช่น มีไข้ เจ็บคอ มีผื่น ก็ควรรีบ ไปพบแพทย์

และ ควรปลีกตัว ออกให้ห่างจากคนอื่น เพื่อ กันเชื้อระบาด ที่สำคัญเลย ก็คือ ห้ามปกปิด ประวัติ การเดินทาง บอกประวัติที่แท้จริง กับคุณหมอ เพื่อเป็นการป้องกัน หากคุณนั้น ติดเชื้อจริงๆ จะได้ไม่เสี่ยง ไปแพร่เชื้อ ให้กับสังคม ถือเป็นการ รับผิดชอบ ต่อสังคมด้วย

สภาวะสิ้นยินดี คืออะไร

หลายๆคนนั้น ก็อาจจะ เคยได้ยิน ในเรื่องของ สภาวะ ซึมเศร้า หรือ โรคซึมเศร้า (Depression กันมาก่อนอยู่แล้ว (หากเศร้า ก็ชวนมาเชียร์บอลได้ดู ตารางบอลโลก ได้ที่คลิ๊กเล้ยยจ้า)แต่วันนี้ เราจะมาเล่าเรื่องของ สภาวะสิ้นยินดี ที่เรียกได้ว่า อาจจะเป็นโรคที่ น่ากลัว และ น่าเป็นห่วง มากกว่าโรคซึมเศร้าเลย ก็ว่าได้ ซึ่งอาการ ที่เรียกว่า Anhedonia หรือ ที่เรียกว่า สภาวะสิ้นยินดี ซึ่งสภาวะนี้ นั้นก็เรียกได้ว่า เป็นอาการทางจิต อีกประเภทหนึ่ง ที่คล้ายๆกับ โรคซึมเศร้านั้นเอง คนประเภทนี้นั้น มักจะเก็บตัว ไม่สุงสิง หรือ ยุ่งกับ สังคมภายนอก หรือว่าใครๆ หากผู้ป่วยประเภทนี้ มีอาการที่ถึง ขั้นรุนแรง ก็จะสามารถ ทำร้ายร่างกาย ตัวเอง หรือ ฆ่าตัวตายได้ เช่นกัน

Anhedonia สภาวะสิ้นยินดี มี 2 ประเภท หลักๆ คือ

• ทางสังคม

–  ผู้ป่วยนั้น ไม่ต้องการ สร้างปฎิสัมพันธ์ กับ ผู้อื่น ไม่อยากจะพบเจอใคร ไม่อยากพูดคุย กับใคร และ ไม่อยากจะเข้าสังคม

• ทางร่างกาย

–ทำให้ผู้ป่วยนั้น ไม่มีความสุข กับการทำสิ่งต่างๆ เช่น กินข้าว ทำกิจกรรม ผ่อนคลาย พักผ่อน การนอน หรือ แม้กระทั้งว่า รู้สึกไม่ยินดียินร้าย กับสิ่งๆที่ เคยทำให้เค้ามีความสุขมาก่อน เป็นคนเฉยชา และ บางวันเค้าอาจจะ นอนทั้งวัน

สิ่งที่น่ากลัว ของสภาวะสิ้นยินดี คือ

ผู้ป่วย จะไม่สามารถ รับรู้ถึง ความยินดี หรือ มีความสุขใจได้เลย เนื่องจาก สมองของเค้านั้น หลั่งสาร ที่เรียกว่า ฮอร์โมนโดปามีน ออกมา ทำให้ ไม่มีอารมณ์ ร่วมกับสิ่งที่เจอ ไม่ว่าจะสุข หรือ ว่าจะเศร้า เห็นใครมีความสุข สนุกสนาน หรือ ประสบความสำเร็จ ก็จะรู้สึกเฉยๆ

อาการ ความเสี่ยง ที่จะเป็นสภาวะ สิ้นยินดี มีต่อไปนี้(หากเกิดสภาวะนี้ต้องไปดู ตารางบอลโลก คลายเครียด)

1.  คุณนั้น เริ่มมีอาการ และ พฤติกรรม ที่นำตัวเอง นั้นแยกออกจากสังคม ชอบกักขังตัวเองอยู่คนเดียว ชอบเก็บตัว อยากอยู่บ้านคนเดียว ไม่อยากจะพบเจอหน้าใคร
2.  คุณนั้น รู้สึกว่า ชีวิตนี้ทำไมถึง ไม่มีความสุขเหมือนเดิม และ เมื่อคุณทำในสิ่งที่คุณชอบ ก็กลับรู้สึกว่า ไม่มีความสุขอีกแล้ว
3.  คุณจะรู้สึกว่า สิ้นหวัง หมดหวังกับทุกๆอย่าง ในชีวิต เหลือเกิน ไม่อยากจะใช้ชีวิต อีกต่อไป
4.  คุณนั้น เริ่มมีการแสดงออก ทางอารมณ์ ที่น้อยลง หรือ ในบางครั้ง ก็ไม่แสดงอาการ อะไรออกมาเลย และ คุณก็จะรู้สึกว่า ต้องฝืนใจมากๆ ทุกครั้ง ที่จะต้อง แสดงอารมณ์ ออกมา
5. คุณนั้น จะมีความต้องการทางเพศ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคุณจะ ไม่มีความรู้สึก ใดๆ หรือ ไม่มีความรู้สึก อยากจะมีเพศสัมพันธ์ เลย
6.  คุณนั้น จะรู้สึกว่า ร่างกายของคุณ จะมีอาการ เจ็บป่วย บ่อยขึ้นมากๆ จนผิดสังเกต และ บ่อยจนผิดปกติ
7.  คุณนั้น จะรู้สึกว่า ตัวคุณเองจะ หงุดหงิดได้ง่ายมากๆ และ ที่น่ากลัวเลยคือ คุณจะรู้สึก หวาดกลัว หวาดระแวง คนอื่นไปทั่ว หวาดระแวง อยู่ตลอดเวลา
8. หากคุณนั้น ถูกปลอบใจ หรือ ให้กำลังใจ แบบอ่อนโยน คุณ ก็จะไม่รู้สึก ถึงคำพูด อะไรเหล่านั้นเลย และ ไม่รู้สึกยินดี ยินร้ายอันใด  เลยสักนิด
9. คุณนั้น มักจะรู้สึกว่า ไม่สนใจอะไรเลย ในตัวของคุณเอง ไม่แยแส อะไรเลย และ ไม่ดูแลตัวเองเลยสักนิด มักจะชอบอยู่เฉยๆ นอนเฉยๆ อยู่ตลอดเวลา
10. ข้อนี้นั้น อาจจะดูหนักหน่อย เพราะมันคือ อารมณ์ดิ่ง คุณนั้นจะมีความรู้สึกว่า คุณนั้นดิ่งมากๆ ดิ่งแบบเห็นได้ชัด ก้คือ คุณอยากจะทำร้าย ร่างกายของตัวเอง หรือ ที่เรียกว่า อยากฆ่าตัวตาย

ถ้าหาคุณนั้น มีอาการดังกล่าว ตั้งแต่ 5 ข้อขึ้นไป และ มีอาการแบบนี้ มานานแล้ว โดยไม่มีทีท่า ว่าจะหายเลย แนะนำว่า ควรไปปรึกษาแพทย์ ให้ไวที่สุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคน ในครอบครัว หรือ คนรอบข้างด้วยนะว่า จะมีใครใส่ใจคุณ เป็นห่วงคุณ สังเกตอาการของตคุณด้วยหรือไม่ เค้าจะได้พาคุณไป พบแพทย์ บางคนนั้น อาจจะเกิดมา ในครอบครัวที่ ไม่อบอุ่น แตกแยก จึงจำเป็นที่จะต้อง อยู่เพียงตัวคนเดียว คนประเภทนี้นั้น น่าสงสารเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น อยากจะบอกว่า อยากให้ทุกครอบครัว ใส่ใจ และ ดูแล คนในครอบครัวให้ดี ไม่เช่นนั้น อาจจะเกิด สภาวะหรือ โรคต่างๆ กับคนในครอบครัว ของคุณ

ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ในบางรายนั้น ไม่อยากจะมีอาการเช่นนี้ เป็นอาการมึนๆ งงๆ ไม่รู้จะเล่าอะไร ไม่รู้จะคุยกับใคร เพราะไม่อยากจะพบเจอใคร ไม่อยากคุยกับใคร เป็นสภาวะที่ ไร้ความรู้สึกมากๆ หากจะต้องมีอาการแบบนี้ เป็นโรึซึมเศร้า ดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็มีอารมณ์ให้ได้ สัมผัส

ภาวะสิ้นยินดี เกิดขึ้นได้กับทั้ง คนปกติ และ คนที่เป็นโรคซึมเศร้า 

คนที่เป็นโรคซึมเศร้าบางราย ได้บอกไว้ว่า อาการของเค้านั้น เริ่มต้นจากการเป็นซึมเศร้า มาก่อน และ ต่อมาก็มีอาการ สภาวะสิ้นยินดี อาการคือ จากการที่เค้านั้น เศร้ามากๆ เสียใจมากๆ จนถึงขีดสุด อยู่มาวันนึง ก็กลับกลายเป็นว่า ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

การป้องกัน

สภาวะทางจิตนั้น ป้องกันได้ ด้วยครอบครัว และ คนรอบข้าง เราควรช่วยกันใส่ใจ และ คอยอยู่ข้างๆ กับผู้ป่วยเหล่านี้ ให้ความรัก และ ความเข้าใจ บางรายอาจไม่ยอมไป พบแพทย์ ก็ควรรีบพาไปปรึกษาแพทย์ โดยเร็วที่สุด อย่าทิ้งเค้าไว้ เพียงลำพัง

โรคไข้ดิน โรคระบาดใหม่ ที่อันตรายต้องระวัง

โรคประหลาดๆ นั้น มีผุดขึ้นมา อยู่เรื่อยๆเลย ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป (ยุคสมัยนี้ การเเข่งขันฟุตบอลนั้นก็มีให้ดูอยู่เรื่อยๆดู ตารางบอลโลก คลิ๊ก )ไม่เพียงแต่มีแค่ ความเจริญเท่านั้น ที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง เพิ่มขึ้นมาบนโลกนี้ ยังมีเชื้อโรค อีกด้วย ที่โผล่เกิดมา แทบจะทุกๆ เดือน เลยก้ว่าได้ โรคไข้ดินก็เช่นกัน ตอนนี้โรคนี้นั้น กำลังระบาดหนัก คร่าชีวิต ไปแล้ว 5 ศพ โรคนี้นั้นถือว่าน่ากลัวมาก สามารถติด และ ตุยได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ก็ได้มีการออกข่าว ถึงการแพร่ระบาด ของโรคนี้แล้ว ณตอนนี้นั้น เร่งเก็บตัวอย่าง เพื่อไปวิเคราะห์แล้ว

ตอนนี้ มีจังหวัดไหน ที่เป็นแล้วบ้าง

•  จังหวัด สงขลา อ.เทพา นั้น ได้พบผู้ป่วย โรคไข้ดินแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 7 คน  มีผู้เสียชีวิตไปแล้วทั้งหมดจำนวน 5 ราย ทางสาธารณสุข ของอ. เทพา ก็ได้ทำการ เร่งลงพื้นที่ เพื่อ รณรงค์ ป้องกัน เพื่อไป ยับยั้งการระบาด และ เก็บตัวอย่าง ดิน และ น้้ำ ไปตรวจวิเคราะห์
• รายงานล่าสุด มียอดผู้ป่วย ทะลุ ถึง 2,000 รายแล้ว และ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 34 ราย
• 1 ม.ค – 10 ต.ค 2565 ผู้ป่วยสะสม 2,314 คน เสียชีวิต 34 ราย
• กลุ่มอายุ ที่พบผู้ป่วย โรคไข้ดิน มากที่สุด ได้แก่ อายุ มากกว่า 65 ปี รองลงมา 55 – 64 ปี และ 45 – 54 ปี ล้วนแล้ว เป็นกลุ่ม ที่อยู่แถบอีสาน และ อายุนั้น นับว่า จะอยู่ในกลุ่ม ผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยง มากที่สุด
• อัตราการเสียชีวิตสูงสุด ตั้งแต่ภาคอีสาน ไปจนถึงภาคใต้

โรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) พบมากในฤดูฝน | ดู ตารางบอลโลก ได้ที่เว็บออนไลน์

สำหรับ โรค เมลิออยโดสิส นั้น เป็นโรคที่ ติดเชื้อ แบคทีเรีย ตอนนี้ กำลัง เริ่มระบาด ในไทย มักจะ ไม่มีอาการ ที่แสดงออกมาจำเพาะ เจาะจง ผู้ที่ป่วยโรคนี้นั้น อาจจะมีเพียงแค่อาการ ไข้สูงเพียงอย่างเดียว หรือ อาจจะมีไข้ที่สูง จนช็อค จากการติดเชื้อ ในกระแสเลือด โดยจะไม่มี อาการจำเพาะ ที่อวัยวะใดๆเลย และ จะเสียชีวิต ในระยะเวลา อันรวดเร็ว

อาการของ โรคไข้ดิน

มีอาการไข้สูง เป็นหลัก หาก ติดเชื้อในกระแสเลือด ก็ทำให้เสียชีวิต ได้อย่างรวเร็ว ภายใน 2 วัน แบคทีเรียนั้น จะติดต่อ ผ่านเข้าร่างกาย ทางผิวหนัง โดยที่ไม่จำเป็น ต้องมีรอยแผล หรือ รอยขีดข่วนใดๆ เลย อาการ ของโรคไข้ดินนั้น มีดังนี้

• ติดเชื้อ ที่ผิวหนัง เกิดตุ่มหนอง ขึ้นบนร่างกาย
• ติดเชื้อ ในปอด
• ติดเชื้อ ในกระแสเลือด
• ติดเชื้อ ในอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไตสมอง กระดูก

สาเหตุ ของ โรคไข้ดิน

เนื่องจากโรคนี้นั้น เป็นโรคที่ติดต่อ ได้ง่าย มากๆ ติดต่อผ่าน ทางดิน และ น้ำ อาจทำให้ เสียชีวิต ในเวลา ที่รวดเร็ว ระยะฝักตัว ของโรคนี้นั้น ตั้งแต่ 2 วัน ถึงนานหลายปี สาเหตุที่เกิดโรคนี้ได้ คือ การที่เราไปสัมผัสน้ำ หรือ ว่าสัมผัสกับดิน เป็นระยะเวลานานๆ หรือ การที่เรานั้น ไปดื่มน้ำ โดยที่ไม่ผ่าน การกรองให้สะอาด หรือ ผ่านการต้มให้สุก

การหายใจ หากเราอยู่ในที่ ที่มีฝุ่นดิน เยอะๆ แล้วเราหายใจเข้าไป ทำให้ ฝุ่น และ ดิน เข้าไปในปอด ก็เป็นอีกหนึ่ง สาเหตุของโรคนี้เช่นกัน

โรคประจำตัว ที่มีโอกาสเสี่ยงสูง ติดโรค ระบาดไข้ดิน

1. โรค ธาลัสซีเมีย
2. โรค เบาหวาน
3. โรค ไตเรื้องรัง
4. โรค ภาวะภูมิคุ้มกัน บกพร่อง หรือ ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ

กลุ่มเสี่ยง ติดโรค ระบาดไข้ดิน มีดังนี้

• ผู้ที่มีโรคประจำตัว
• ผู้ที่ ประกอบอาชีพ ที่สัมผัส กับดิน และ น้ำ เป็นเวลานาน เช่นทำนา ทำการเกษตร

วิธีการรักษา 

1. ห้ามผู้อื่น สัมผัส สารคัดหลั่ง ของผู้ป่วย ควรแยก ผู้ป่วย ออกจาก ผู้อื่น
2. นำ สารคัดหลั่ง ของผู้ป่วย เช่น เลือด ปัสาวะ เสมหะ นำไปตรวจ โดยจะรู้ผล ระยะเวลา 3-5 วัน
3. ฉีดยาปฏิชีวนะ ให้กับผู้ป่วย และ รับยารับประทาน ตามที่แพทย์สั่ง
4. หาก ผู้ป่วย ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องให้ยา  ceftazidime 4 กรัม/วัน นาน 1 เดือน ต่อเนื่องด้วย tetracycline นาน 6 เดือน
5. ใช้
6. ceftazidime ฉีดเข้าเส้นเลือดนาน 14 วัน ในผู้ป่วยอาการหนัก

  ป้องกัน โรคไข้ดิน

• หลีกเลี่ยง การสัมผัส ดิน และ น้ำ โดยตรงหากจำเป็น จะต้องลุยน้ำ หรือ สัมผัส จริงๆ ควรสวม
• รองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว และ สวมหน้ากากอนามัยไว้
• หลังจากการ ลุยน้ำ ลุยดินแล้ว ให้เรารีบ อาบน้ำ และ ทำความสะอาดร่างกาย ทันที

โรคแพนิค (Panic Disorder) คืออะไร

โรคแพนิค หรือ โรคตื่นตระหนก นั้นนับเป็นโรค ทางจิตเวช ที่เกียวกับการทำงานของสมอง(ไม่อยากเครียดจนเป็นPanic มาเชียร์บอล แทงบอล คลิ๊ก ) เช่นเดียวกันกับ โรคซึมเศร้า และ โรคไบโพล่า นั้นเอง ดังนั้น จึงจะ แตกต่างเวลาที่ เราตกใจ หรือ ตื่นกลัว เวลาที่มีเหตุการณ์ต่างๆ มากระตุ้น โรคแพนิคนั้น จะมีอาการเกิดขึ้นมาเอง โดยที่ไม่มีสาเหตุ หรือ ตกใจกลัว อาการนั้น จะเกิดขึ้นและมีระยะอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง

โดยคนที่ป่วย เป็นโรคแพนิคนั้น จะเกิดความตื่นกลัวขึ้นมา โดยไม่จำเป็นต้องมีสาเหตุ โดยไม่เกี่ยวกับเวลา หรือ สถานที่ นึกจะเกิด ก็เกิดขึ้นมาเฉยๆ ซึ่งการเกิดเช่นนี้ เราจะเรียกว่า Panic Attack  โดยจะแสดงอาการ ออกมาทางกาย

การวินิจฉัยโรค

โรคแพนิค (Panic Disorder) เกิดจาก ความผิดปกติ ของฮอร์โมน อย่างฉับพลัน ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติ ผิดปกติทันที ทำให้เกิดอาการขึ้นมาทันที

• การวินิจฉัยโรค จะต้องใช้ DSM – V CRITERIA ในการวินิจฉัย โรคแพนิค (Panic Disorder)  โดยที่อาการ ของผู้ป่วยนั้น จะต้องมี อาการอย่างน้อย 4 ข้อ จาก 13 ข้อ

อาการ ของผู้ป่วยโรคแพนิค(ไม่อยากมีอาการ Panic มา แทงบอล เชียร์บอล ที่เว็บออนไลน์ )

อาการแบบนี้ อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีอะไร มากระตุ้น และ จะค่อยๆ เป็นมากขึ้น จนถึงขั้น เป็นหนักมาก ในช่วง 10 นาทีแรก แล้วค่อยๆ เบาลง หลังจากนั้น จะอ่อนเพลีย และ หมดแรง และ ผู้ป่วยนั้น ก็จะรู้สึก หวาดกลัวมากๆ จนไม่อยากเป็นแบบนี้อีก การเกิดอาการ ดังกล่าวนั้น ไม่ได้แปลว่า คุณจะเป็นเพียงแค่ โรคแพนิค เสมอไป อาจจะมีสาเหตุ จากโรคทางกาย อย่างอื่นร่วมด้วย เพราะฉะนั้น หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพบหมอ หรือ ปรึกษา จิตแพทย์ อย่างเร่งด่วน

• เหงื่อแตก
• ใจสั่น
• ตัวสั่น
• หัวใจเต้นเร็ว
• หายใจไม่อิ่ม หายใจไม่ทั่วท้อง
• รู้สึก เหมือนจะ สำลัก
• รู้สึกเจ็บ แน่นหน้าอก
• คลื่นไส้ อาเจียน
• ท้องไส้ ปั่นป่วน
• วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม
• ชาตามตัว
• รู้สึกว่า สิ่งแวดล้อม รอบๆตัว ในวินาทีนั้น ดูแปลกๆไป
• รู้สึกว่า ตัวเราเองนั้น เปลี่ยนไป
• มีความกลัวมากๆ และ เริ่มควบคุม ตัวเองไม่ได้
• และ เริ่ม กลัวการตาย หรือ กลัวการเสียชีวิต

ด้วยความที่โรคนี้นั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และ มีอาการรุนแรง เลยส่งผลให้ ผู้ที่ป่วยเป็น Panic หลายคน จึงกลัว และ กังวล กับการออกนอกบ้าน หรือ การต้องทำกิจกรรม ต่างๆข้างนอก เพราะ กลัวจะเกิด Panic Attack ขึ้นมาอีก

ซึ่งจริงๆแล้วนั้น ความหวาดกลัว หรือ ความกดดัน ที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งจะเป็นการกระตุ้น ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นอีก กลายเป็นวงจร ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

หากคุณนั้น มีอาการเหล่านี้ ให้ลองปรึกษา แพทย์ เพื่อวินิจฉัย โดยบอกอาการที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ อาการตอนที่เกิดขึ้น โดยไม่มีอะไรมากระตุ้น หรือ เกิดขึ้นเป็นพักๆ เพราะโรคนี้ สามารถรักษาให้ดีขึ้น หรือ หายขาดได้

สาเหตุ การเกิด โรคแพนิค (Panic Disorder)

• สาเหตุทางกาย 

ด้านพันธุกรรม คือ ผู้ที่มีเครือญาติ และ เคยมี บุคคลในครอบครัว ที่เคยเป็นโรคนี้ หรือ เคยเป็นโรควิตกกังวล ด้านนี้นั้น จะเสียงเป็นโรคนี้ ได้ง่ายกว่า บุคคลธรรมดาทั่วไป

ด้านฮอร์โมนในร่างกาย คือ สารเคมี ในสมอง เกิดการผิดปกติ เสียสมดุล และ ระบบประสาท ผิดปกติ จึงทำให้เกิดโรคนี้ได้

• สาเหตุทางจิตใจ

ได้แก่ การเกิดจาก ความเครียด ที่รุนแรง มากๆ การใช้ชีวิต ที่กดดัน

• สาเหตุจาก ระบบการย่อยที่ไม่ดี

การเป็นกรดไลย้อน เวลา นานๆ เกิดจาก การกินอาหารเวลาดึก อาหารแปรรูป ได้รับสารอาหารน้อย กินอาหารไม่ตรงเวลา สมองจะเกิดความเครียด ทำให้เกิด การเคลื่อนไหวของ การหลั่งตัวน้ำย้อย หรือ น้ำดีออกมาย่อยอาหาร

• สาเหตุจากการ ใช้ชีวิตไม่ปกติ

เช่น การนอนดึก เป็นประจำ หรือ นอนหลับไม่สนิท จะส่งผล ให้ร่างกายนั้น ขาดการซ่อมแซม มีอาการอ่อนเพลีย หมดแรง ไม่สดชื่น

• สาเหตุจาก การใช้สมองติดต่อกันเป็นเวลานาน

คือ การทำงานหนัก ทีละหลายๆอย่าง ไม่พักผ่อน และ คิดมากๆ ใช้สทองเยอะๆ เป็นเวลานาน จนทำให้เกิดอาการค้าง

• สาเหตุจาก การสูญเสีย สิ่งที่รักมากๆ

เช่น ความหลง หรือ ยึดติด สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป คนรัก ชื่อเสียง ความรู้ เมื่อสิ่งๆนี้ หายไป จะทำให้เกิดความกลัว มากๆ

มีธีการรักษา

การรัษาทางยา และ รักษา ควบคู่ไปกับ การดูแลด้านร่างกาย และ จิตใจ

• รับประทานยา ที่หมอให้อย่างสม่ำเสมอ พบหมอ ตามที่หมอนัด
• ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด
• ดูแลร่างกาย ให้แข็งแรง
• ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ
• พักผ่อน ให้เพียงพอ
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ที่มีคาแฟอีน
• พูดคุย ปรึกษา กับ นักจิตวิทยา เพื่อ ปรับความคิด ที่เกี่ยวกับ ความกลัว
• ทำความรู้จักกับ อาการ และ โรค ที่เรากำลังเจอ
• เรียนรู้ การรับมือ กับโรค เมื่อเดิกอาการ

ภาวะ IMPOSTER SYNDROME คืออะไร?

โรค IMPOSTER SYNDROME หรือ โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ในยุค ทุกวันนี้นั้น มีสังคมออนไลน์ สื่อโซเชียล ที่มีการแข่งขัน ( การแข่งขันฟุตบอล แทงบอล ก้เช่นกัน ซึ่งมีการแข่งขันและกดดัน )การเปรียบเทียบ ค่อนข้างที่จะสูงมากๆ ส่วนมากนั้น โรคนี้ จะไม่เกิดขึ้นกับ ผู้ที่ มีชีวิตที่ล้มเหลว แต่ มักจะเกิดอาการจิตเวช บางอย่างขึ้น กับผู้ที่เป็นวัยรุ่น หรือ วัยที่กำลังเรียนจบ และ วัยที่กำลังทำงาน โรคนี้นั้น เป็นหนึ่ง ในสาเหตุหลักๆ ที่นำไปสู่สภาวะ โรคซึมเศร้า ได้

อาการ ที่บ่งบอก ว่าคุณ กำลังเป็นโรค คิดว่าตัวเองไม่เก่ง

• ยึดติด กับคำว่า ความสมบูรณ์แบบ

มากจนเกินไป เอาเข้าจริงๆแล้ว ความสมบูรณ์แบบนั้น มันมักจะไม่มีอยู่จริง เพราะ ในตัวของทุกๆคนนั้น หาความเพอร์เฟกต์ ได้ยากมากๆ ซึ่งจะมีคนบางคน นั้นจะมีความยึดติด กับคำๆนี้ มากๆ ต้องให้ตัวเองนั้น ดีที่สุด หน้าที่การงาน ก็ต้องดีที่สุด แต่การที่คนแบบนี้ เค้ากดดันตัวเอง จนมากเกินไป เลยทำให้เค้ารู้สึก ไม่มั่นใจอยู่ตลอดเวลา มักคิดว่า ตนนั้น ยังต้องดีให้ได้มากกว่านี้ เพอร์เฟกต์ให้มากกว่านี้ ทำให้ยิ่งกังวล และ ขาดความมั่นใจ ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง

• กดดันตัวเอง อย่างหนักมากๆ

ว่าทุกสิ่ง ที่ทำออกมา มันไม่ดีพอ ข้อนี้นั้น ต้องบอกว่า คำว่าครอบครัว ก็มีส่วนเช่นกัน หากโตมากับครอบครัวที่ เน้นการดุด่า ตี มากกว่าเน้นคำชม การที่คนในครอบครัว หรือ คนรอบข้าง เน้นการดุด่า และ ติเตียน อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ ส่งผลให้รู้สึกว่า ทุกอย่างที่ทำไปนั้น มันยังไม่ดีพอ ทำให้เครียด และ กดดัน จนกลายเป็น ความเครียดสะสม

• ต้องการที่จะรู้ทุกเรื่อง และ ต้องการเก่ง ในทุกๆด้าน

การที่เราอยากรู้ทุกเรื่อง เก่งทุกๆด้านนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพียงแต่ว่า การที่เรากดดันตัวเองนั้น มันจะเป็นการ กดดันตัวเอง ทำให้ ตัวของเรานั้น ไม่มีความสุข เครียด และ เกิดอาการที่ สร้างความเครียด ขึ้นมาเอง โดยที่เรา ไม่รู้ตัว เพราะ คนเราทุกคนนั้น จะมีจุดที่ เก่ง และ ไม่เก่ง ถ้าเรายิ่งกดดัน และ พยายามมากๆจนเกินไป ก็จะทำให้เกิดคสามเครียด ขึ้นมาโดยที่ไม่ทันระวังตัว

• ชอบทำทุกอย่าง ด้วยตัวเอง เพียงคนเดียว และ ไม่ไว้ใจใครเลย 

หากเราเป็นคนที่ มั่นใจว่าจะทำสิ่งใด ออกมาด้วยตัวเอง ให้ได้ดีที่สุด จึงไม่กล้า ให้ใครเข้ามายุ่ง หรือยกงาน ของตนเอง ให้คนอื่นทำ เพราะ เราจะเกิดความกังวล ขึ้นมามากที่สุด กลัว ว่าคนอื่นจะทำงานของเรา ออกมาไม่ดี กลัวว่า คนอื่นนั้น จะทำไม่ได้ดีเท่าตนเอง คนเหล่านี้นั้น จะรู้สึกลึกๆ ว่าการที่มี คนมาช่วย จะทำให้ตนเองนั้น ถูกมองว่า ไม่เก่ง และ ไม่มีความสามารถ

5  อาการเสี่ยง ที่จะเป็นโรค IMPOSTER SYNDROME  (ร่วมเชียร์การแข่งขันฟุตบอล แทงบอล ที่เว็บพนันออนไลน์)

1. กดดันตัวเอง มีมาตรฐานสูง
2. ทำงาน หามรุ่ม หามค่ำ
3. ขาดความมั่นใจ กลัวความผิดพลาด
4. ชอบทำทุกอย่าง ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง หรือ ขอความช่วยเหลือจากใคร
5. จะชอบอยู่ใน Comfort Zone กลัวการพบเจอ สิ่งใหม่ๆ

โรคนี้เกิดสาเหตุ จากอะไร

• เกิดจากการที่เรา นั้นชอบเปรียบเทียบ ตัวเองกับคนอื่น

จึงทำให้รู้สึกว่า ตนเองนั้นด้อยค่า ไม่ดีเท่าคนอื่น

• เกิดจากการที่ คนอื่นเอาเรา ไปเปรียบเทียบ

เช่น ดูคนนั้นสิ ทำไมเค้าดีกว่าเธอ ทำไมเธอถึงทำผลงาน ได้ไม่เท่าเค้าละ สาเหตุนี้ก็อาจจะทำให้เรารูสึกยิ่งกดดัน สามารถเป็นโรค IMPOSTER SYNDROME ได้เช่นกัน

• เกิดจาก การที่เรา เป็นคนที่ ชอบความสมบูรณ์แบบ มากๆ

รักในความเพอร์เฟกต์ เมื่อเราทำงานบางอย่าง ออกไปแล้ว ผลลัพธ์มันดีมากๆ แต่เดรานั้น ก็.ยังไม่พอใจในผลงาน เพราะเราคิดไปเองว่า มันจะต้องดีมากกว่านี้ คาดหวังมากจนเกินไป ซึ่งคนเหล่านี้ มี self esteem ที่ต่ำ ก็คือ จะมีความเห็น คุณค่าของตนเองนั้น น้อยกว่าปกติ

self esteem ต่ำ คือ 

คือ ความเห็น คุณค่าของตนเองนั้น น้อยกว่าปกติ จะส่งผลกับบุคลิกภาพ ของเรา เมื่อ self esteem ต่ำ ความมั่นใจ ในตัวเอง ก็จะลดน้อยลง นั้นก็แปลว่า บุคลิกทางกายภาพ ของเรานั้น จะค่อยๆ หมดไป ลดน้อยลง ทำให้บุคลิกภาพ ของเรานั้น ไม่สง่างาม

วิธีการรักษา หรือ วิธีเอาชนะ กับภาวะร้ายๆของ IMPOSTER SYNDROME

จริงๆแล้ว IMPOSTER SYNDROME ก็ไม่ใช่ความผิดปกติ ทางจิตใจ ที่จะต้อง ได้รับการรักษา ที่เร่งด่วน แต่หากปล่อยไว้นาน ก้ไม่ดี มีวิธีรักษา ดังนี้

• หาเวลา กลับมามองตัวเอง หาข้อดีในสิ่งที่ ตัวเองเคยทำ และเขียนไดอารี่ บันทึกประจำวัน เพื่อ ชื่นชมตนเอง ว่าเราเองก็ทำได้ดีเหมือนกันนะ
• อย่าลืมคิดว่า เราเองก้เป็นคนธรรมดา คนนึง ที่สามารถ ทำอะไรผิดพลาดได้ เหมือนๆ กับคนทั่วไป รับฟังคำติชม เพื่อนำมาแก้ไข พัฒนาตนเอง
• รักตัวเองให้มาขึ้น และ ภูมิใจในตัวเอง
• หยุดเปรียบเทียบตัวเอง กับคนอื่น
• ฝึกคิดบวก เพียงแค่ลองเปลี่ยน ความคิด นิดเดียว โลกก็จะเปลี่ยนไป
• มั่นใจ ในความสามารถของตัวเอง ไม่กดดันตนเอง
• รักตัวเองให้มากๆ